หากพูดถึงฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ชื่อของ ลามิน่าฟิล์ม ต้องเป็นหนึ่งในใจผู้บริโภคอย่างแน่นอน ซึ่งนำเข้าและจัดจำหน่ายโดย บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด นอกจากนี้ยังรวมไปถึงฟิล์มอาคาร “ลามิน่า” และฟิล์มกลุ่มพิเศษ “ลูมาร์” ผลิตโดยซีพีฟิล์มอิงค์ มาตรฐาน ISO9001 จากสหรัฐอเมริกา อุปกรณ์บรรทุกสัมภาระ “ธูเล่” จากสวีเดน และผลิตภัณฑ์เคลือบปกป้องรถยนต์ เรือ อากาศยาน “ไทรบอส” จากอังกฤษ อีกด้วย และผู้ที่นำพาบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันนี้ก็คือ คุณจันทร์นภา สายสมร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) จำกัด ซึ่งเปิดเผยกับทาง LadyDriveThailand ว่า… ความสำเร็จของ บริษัทฯ ตลอดระยะเวลา 21 ปีที่ผ่านมานั้น นอกจากจะมีความรู้ความสามารถแล้ว ยังต้องยึดถือความซื่อสัตย์สุจริต อดทน ต่อสู้ และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดใด…
Q : เส้นทางความสำเร็จจนถึงปัจจุบัน
A : บริษัทของเราก่อตั้งขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2538 ปัจจุบันก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 22 แล้ว จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นขณะกำลังศึกษาปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โปรแกรม MIM (Master’s of Science in Marketing) หรือ ปริญญาโท ทางการตลาด หลักสูตร นานาชาติ ซึ่งในช่วงที่เรียนนั้นเราต้องทำงานร่วมกับเพื่อนอีกสี่คน เอาความรู้ทั้งหมดมาทำ Project Work ก็คือการทำแผนธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งขึ้นมา และกลุ่มเราก็เลือกทำเรื่องของ ฟิล์มกรองแสง และหลังจากจบการศึกษาปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โปรแกรม MIM ก็ได้มาเปิด บริษัท เทคโนเซล ( เฟรย์ ) จำกัด ขึ้น แต่ในช่วงเริ่มต้นนั้นเรายังไม่ได้สินค้าของ ลามิน่าฟิล์ม เข้ามาทำตลาด เลยได้ติดต่อไปทางโรงงานจนกระทั่งได้พบกับผู้บริหารที่นั่นในเดือนตุลาคม 2538 และหลังจากนั้นสินค้าลอตแรกของ ลามิน่า ฟิล์ม ก็ได้เข้ามาสู่ประเทศไทยในช่วง เดือนกุมภาพันธ์ ของปี 2539 นั้นคือจุดเริ่มต้นของลามิน่าฟิล์มจนถึงปัจจุบัน
Q : การทำตลาดธุรกิจฟิล์มติดรถยนต์ในยุคแรกๆ เป็นอย่างไร
A : สมัยก่อนปัญหาคือ ประการแรกเลยผู้นำเข้าไม่ได้นำเข้าฟิล์มจากโรงงานโดยตรงส่วนใหญ่จะซื้อมาจากแถบสิงคโปร์พอมาขายที่ร้านค้า ข้อมูลที่ไปถึงร้านค้าก็จะไม่ใช่ข้อมูลที่ถูกต้องสักเท่าไหร่ คุณสมบัติของฟิล์ม หรือแม้กระทั่งระดับความเข้มของฟิล์มก็ยังเรียกกันเองว่าระดับ 40 60 80 ซึ่งประมาณเอาว่าแบบนี้
ประการที่สอง คือไม่มีหลักในการทำตลาด จะเน้นอ้างอิงว่าเป็นฟิล์มผลิตโรงงานดียวกับฟิล์มที่มีชื่อติดตลาดอยู่ก่อนแล้วไม่มีการให้ข้อมูลด้านข้อดี ข้อเสียของฟิลม์ รุ่นฟิล์มให้เลือกก็มีน้อย ไม่มีการฝึกอบรมให้กับพนักงานติดตั้งฟิล์ม แต่มาถึงยุคปัจจุบันช่องทางการสื่อสารที่มีหลากหลายรูปแบบเข้าถึงง่าย ก็มีข้อมูลให้ลูกค้าศึกษามากขึ้นและอาจจะเยอะเกินไปซึ่งก็แล้วแต่เทคนิคการขายของแต่ละเจ้า ซึ่งทำให้ลูกค้าต้องวิเคราะห์พิจารณาเปรียบเทียบด้วยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ตั้งแต่เราเริ่มต้นทำธุรกิจฟิล์ม เรามุ่งมั่นในเรื่องของการเป็นผู้นำ 4 ประการ คือ หนึ่งความเป็นผู้นำในด้านวัตกรรม เราเลือกโรงงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฟิล์มกรองแสงโดยตรง ผลิตฟิล์มมายาวนานถึง 62 ปี และผลิตฟิล์มกรองแสงเพียงอย่างเดียว การที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เราเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นผู้นำจริงๆ เช่น Lamina Digital CTX Ceramic Films ซึ่งเป็นฟิล์มที่ไม่รบกวนสัญญาณดิจิตอล นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำนวัตกรรมฟิล์ม โดยได้รับความไว้วางใจจากตึกหรือโครงการขนาดใหญ่ เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์
ส่วนที่สอง คือ การเป็นผู้นำด้านการบริการ บริษัทเราให้ความสำคัญเรื่องการติดตั้งฟิล์ม ในเรื่องการฝึกอบรมการติดตั้งตามมาตรฐานของทางโรงงานและใช้เครื่องมือที่ถูกต้อง เราเป็นผู้เริ่มต้นศักราชใหม่ของการติดฟิล์มโดยการนำช่างมาฝึกอบรมเทคนิคให้กับพนักงานติดตั้งฟิล์มเริ่มต้นจากนำช่างไทยมาฝึกอบรมให้ เราเป็นเจ้าแรกของประเทศไทยที่ติดฟิล์มบานโค้งแบบไร้รอย ต่อมาก็นำช่างชาวต่างชาติเข้ามาแนะนำเทคนิคพิเศษต่างๆ อีกมากมาย เพราะถึงแม้ว่าคุณภาพฟิล์มจะดีเพียงใดก็อาจไม่เพียงพอ ต้องมีการติดตั้งฟิล์มที่เรียบร้อยสวยงามด้วยเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อทัศนวิศัยในการขับขี่ นอกจากนี้เรายังมีสายด่วน “Hot Line คลายร้อน” ไว้บริการลูกค้าทางด้านข้อมูล และศูนย์ติดตั้งฟิล์มมาตรฐาน Lamina Exclusive shop การติดตั้งฟิล์มรูปแบบใหม่ที่ได้มาตรฐานทัดเทียมสากลด้วย
ประการที่สามการเป็นผู้นำด้านการให้ข้อเท็จจริง เราเป็นบริษัทฯ ฟิล์มเจ้าแรกที่พูดถึงความแตกต่างในการทดสอบฟิล์ม เราจะเห็นพวกหลอดไฟอินฟาเรดที่นำมาทำเป็นอุโมงค์ความร้อนบ้าง หรือสาธิตด้วยวิธีต่างๆ บ้างซึ่งวิธีการทดสอบเหล่านี้ไม่ถูกต้อง ถ้าฟิล์มของลามิน่าเองไปเทียบกันกับหลอดไฟอินฟาเรดก็สามารถกันได้ถึง 98% แต่ข้อเท็จจริงก็คือ หลอดไฟอินฟาเรดไมใช่แสงแดด หรือจะเป็นเรื่อง แสงสีฟ้า ที่จะมีอยู่มากตามหน้าจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสงสีฟ้าก็ไม่ใช่แสงแดดแต่ยังนำมาทดลองกับฟิล์มแล้วก็บอกว่าฟิล์มของตนนั้นกันแสง UV ได้ดีกว่าแบรนด์อื่น การนำข้อมูลที่ไม่ตรงมาเป็นเทคนิคการทำตลาดแบบนี้ ทำให้ผู้บริโภคต้องพิจารณาดีๆ เพราะมันไม่ใช่วิธีการมาตรฐานในการวัดแสงรังสี UV แต่ฟิล์มลามิน่ามีวิธีการทดสอบที่ได้มาตรฐานสากลและลามิน่าฟิล์มก็กันรังสี UV ได้เกือบ 100% ทุกตัว
ส่วนที่สี่ คือ การเป็นผู้นำในด้านการตอบแทนสังคม ซึ่งเราเริ่มทำกิจกรรม CSR มา 16 ปีแล้ว เราคำนึงถึงตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัท อยากทำธุรกิจและนำกำไรส่วนหนึ่งมาคืนให้กับสังคม กิจกรรม CSR ที่เราทำก็มีโครงการ “ลามิน่า สานฝันเด็กไทยได้เล่าเรียน” เป็นปีที่ 16 , “รักษ์โลกกับลามิน่า” เป็นปีที่ 9 , ”มินิ ลามิน่าสานฝันเด็กไทยได้เล่าเรียนปีที่ 6” , “ลามิน่าสร้างฝันปันรอยยิ้มปีที่ 5”, สนับสนุน มูลนิธิชัยพัฒนา, มูลนิธิทุนสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล รวมไปถึงการช่วยหลือกิจกรรมสาธารณะต่างๆ แล้วแต่โอกาสด้วยค่ะ ความเป็นผู้นำ 4ประการนี้ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จเป็นผู้นำตลาดฟิล์มกรองแสงอันดับหนึ่งจนถึงปัจจุบันค่ะ
Q : แนวทางการบริหารธุรกิจในแบบคุณ ?
A : ยึดหลักการบริหารอยู่ 2 ประการ หนึ่งก็คือหลักทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทำให้เรารอดพ้นวิกฤตมาได้หลายครั้ง เราก่อตั้งบริษัทเมื่อปลายปี 2538 พอถึงปี 2540 ก็เจอวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่เราก็รอดพ้นมาได้ด้วยหลักทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง คือ เรามีความรู้มีการวางแผนในการทำธุรกิจ และไม่ได้ทำธุรกิจเกินตัว และอีกประการหนึ่งที่สำคัญมากของการทำธุรกิจ ได้แก่ หลักธรรมาภิบาล เรื่องของคุณธรรม จริยธรรมในการทำการค้าเป็นสิ่งที่ทำให้เราอยู่ได้อย่างยั่งยืน
Q : ณ ตอนนี้คิดว่าบริษัทประสบความสำเร็จแบบ 100% หรือยัง และวางแพลนธุรกิจในอนาคตไว้อย่างไร
A : พูดยากนะคะพี่เป็นคนวางเป้าหมายไว้เป็นระยะๆ แต่เมื่อเราทำถึงเป้าแล้วก็ต้องตั้งเป้าหมายใหม่ๆ เพื่อท้าทายตัวเองต่อไป เมื่อครั้งแรกเลยตอนเปิดบริษัทฯ ความสำเร็จของเราคือบริษัทต้องอยู่รอดก็ปรากฎว่าบริษัทก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ต่อมาเราตั้งไว้ว่าอยากเป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจฟิล์มกรองแสงรถยนต์และต่อไปก็คืออันดับหนึ่งของฟิล์มกรองแสงทุกประเภท ณ ปัจจุบันเราบอกว่าเราอยากจะเป็นผู้จัดจำหน่ายมืออาชีพในภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกซึ่งตรงนี้อาจจะยังไม่สำเร็จทั้งหมดแต่เรากำลังทำอยู่ ในอนาคตก็เป็นโอกาสที่ธุรกิจของเราจะได้ขยายไปยังประเทศอื่นๆ ด้วยในแถบเอเชีย
Q : ทิศทางการทำตลาดในปี 2560
A : สำหรับปีหน้าเรามองว่าตลาดรถยนต์อาจฟื้นตัวเล็กน้อย อย่างปีนี้ตัวเลขน่าจะอยู่ประมาณ 750,000 คัน ส่วนปีหน้าก็ราวๆ 770,000 – 780,000 คัน ในส่วนของลามิน่าฟิล์มเอง สิ่งที่ต้องเน้นคือความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเนื้อหาการประชาสัมพันธ์ต้องตรงประเด็น ไม่อยากให้วงการธุรกิจฟิล์มกรองแสงต้องมาเสียหายกับเทคนิคการขายที่เกินจริง เราทำธุรกิจฟิล์มจะเข้าสู่ปีที่ 22 แล้ว และมีความรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เราอยากให้ธุรกิจฟิล์มอยู่ได้อย่างยั่งยืน จึงต้องมุ่งมั่นเข้าไปดูแลว่าข้อมูลตรงไหนที่มักถูกบิดเบือนเราก็นำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องให้กับผู้บริโภค เพื่อผู้บริโภคจะได้มีข้อมูลหลายด้านเพื่อนำไปพิจารณาก่อนการตัดสินใจติดตั้งฟิล์มกรองแสง และในปีหน้าเราจะร่วมมือกับศูนย์ตัวแทนจำหน่าย 660 ศูนย์ในการพัฒนาด้านการบริการให้ดียิ่งขึ้น วางแผนการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ กับทางโรงงานแต่คงไม่เยอะมากเพราะลามิน่าก็มีฟิล์มหลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่มอยู่แล้ว
Q : นอกจากชีวิตการทำงานแล้ว ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวเป็นอย่างไร
A : ชอบอยู่บ้าน ตัวเองมีสัตว์เลี้ยง ส่วนพี่สาวที่อยู่ด้วยกันก็ชอบปลูกต้นไม้ ถ้ามีเวลาว่างก็จะไปท่องเที่ยวในประเทศบ้าง
Q : กิจกรรมที่ชอบทำเป็นพิเศษ
A : ตอนนี้เน้นเรื่องการดูแลสุขภาพ มีไปออกกำลังที่ฟิตเนสบ้างอาทิตย์ละ 2 -3 วันเป็นประจำ พอช่วงพ้นหน้าฝนมาแล้วแบบนี้ก็ไปปั่นจักรยาน พยายามจะไปอาทิตย์ละครั้ง ส่วนใหญ่จะไปปั่นที่ สกายเลน สุวรรณภูมิ รู้สึกปลอดภัยและสนุก มันป็นสนามสำหรับการปั่นจักรยานโดยตรง ใช้ความเร็วหรือช้าก็ได้ เป็นสนามที่สะดวกสบายดีแต่อาจจะต้องยอมตื่นเช้าหน่อยค่ะ
Q : สไตล์รถยนต์คู่ใจ
A : ตอนนี้ชอบรถเอสยูวี 5 ประตู ชอบรถทรงสูงหน่อยมันเอนกประสงค์เหมาะกับสภาพถนน สภาพการจราจรบ้านเรา
Q : เรื่องรถยนต์สำหรับผู้หญิงคุณจันทร์คิดว่าจำเป็นแค่ไหนในยุคปัจจุบัน
A : จำเป็นมาก ผู้หญิงกับรถเป็นสิ่งสำคัญเลย ด้วยความที่เราก็มีน้องๆ ทีมงานเป็นผู้หญิงเยอะส่วนใหญ่ก็จะมีแฟน หรือสามีที่ดีมากคอยมารับมาส่ง แต่พี่จะบอกเสมอว่าเราควรขับรถให้เป็นนะ เพราะหากมีเหตุฉุกเฉินจะไปเรียกรถสาธารณะก็คงไม่ทันเราก็ควรจะขับรถให้เป็น และขับให้เป็นประจำ ถ้าเราขับรถเองได้ก็จะเสริมในเรื่องของความปลอดภัยด้วย เพราะในบางช่วงเวลาการใช้รถสาธารณะก็ต้องระมัดระวัง
Q : สิ่งที่เรายึดมั่นในการทำงานจนประสบความสำเร็จอย่างในปัจจุบัน
A : พี่เป็นคนที่ต่อสู้และไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดใด ไม่ยอมแพ้ต่อปัญหา คิดว่าทุกปัญหาต้องแก้ไขได้ เป็นคนที่เข้มแข็ง อีกอย่างหนึ่งที่พี่ให้ความสำคัญเลยคือเรื่องของความซื่อสัตย์สุจริต และความกตัญญูรู้คุณ แบบอย่างในการดำเนินชีวิตที่พี่ยึดมั่นและสัมผัสมาตั้งแต่เด็กๆ ก็คือ พ่อกับแม่ ด้วยความที่ครอบครัวเป็นคนไทยเชื้อสายจีนค้าขายทั่วไปไม่ได้เรียนหนังสือหาเช้ากินค่ำ แต่พวกท่านสามารถเลี้ยงดูลูกๆ ทั้ง 8 คนให้เป็นคนดีและประสบความสำเร็จได้ พ่อกับแม่เป็นแบบอย่างของความซื่อสัตย์สุจริต มีความรับผิดชอบ เอื้อเฟื้อผื่อแผ่ ขยัน อดทนและใฝ่หาความรู้
อีกท่านหนึ่งที่พี่มีความประทับใจมากก็คือ ท่านอานันท์ ปันยารชุน ซึ่งประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานทั้งงานทางด้านเจ้าหน้าที่รัฐ หรือแม้กระทั่งออกมาทำงานภาคเอกชนก็ยังประสบความสำเร็จเช่นกัน
Q : ต้นแบบในการดำเนินชีวิต
A : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ทรงเป็นต้นแบบที่ทำให้พี่ตั้งใจในการคืนกำไรสู่สังคม พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์แต่ยังทรงทำงานเหนื่อยหนักโดยที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนจากใครเลย แม้กระทั่งว่าถ้าจะให้จดจำพระองค์ก็ให้จดจำในสิ่งที่พระองค์ทรงทำประโยชน์ต่อผู้อื่น หาไม่ได้แล้วในชีวิตนี้ พี่เลยตั้งใจในการทำสิ่งที่พระองค์สอน และพยายามที่จะตอบแทนบุญคุณแผ่นดินให้มากที่สุด ไม่ว่าตอบแทนได้มากหรือน้อยแต่เรายังได้ลงมือทำ เราไม่ได้รักพระองค์เพียงอย่างเดียวแต่เราต้องดำเนินตามสิ่งที่พระองค์สอนด้วย พระองค์ทรงเป็นต้นแบบของเราในความอ่อนน้อมถ่อมตน และทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงก็คือแนวทางที่เรายึดในการทำธุรกิจของเราให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
ถือเป็นตัวอย่างบุคคลดีเด่นอีกท่านที่มีแนวคิดของหลักการใช้ชีวิต และแนวคิดในการบริหาร ที่ประสบความสำเร็จอีกท่าน LadyDriveThailand ขอชื่นชมในความสามารถของ คุณจันทร์นภา สายสมร เป็นอย่างยิ่ง ที่ใครๆ ก็สามารถนำไปปรับใช้กับตัวเองได้
0 Comments
No Comments Yet!
You can be first to comment this post!